บทที่ 9
หนานกงรุ่ยหยวนเงยหน้ามอง เห็นฉี๋อ๋องที่อยู่ไม่ไกลออกไป ขี่อาชาพันธุ์ดีสีขาว เขาสวมชุดสีม่วงตัวยาว ดวงตารูปดอกท้อคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
ชาวบ้านและรถม้าถูกทหารองครักษ์ค่อย ๆ ต้อนจนแหวกออกเป็นทางยาว ในไม่ช้ารถม้าตำหนักตงกงขององค์รัชทายาทค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมา
อีกด้านหนึ่งมีรถม้าที่ตกแต่งอย่างงามวิจิตร เป็นรถม้าของซู่อ๋อง
“น้องสาม ช่างบังเอิญเสียจริง” เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้างเปิดม่านออก เผยให้เห็นดวงหน้าที่อ่อนโยนดุจหยกขององค์รัชทายาท
ซู่อ๋องก็ทักทายเขาอย่างสุภาพว่า "เสด็จพี่สาม"
เหล่าองค์ชายในราชวงศ์ปัจจุบัน รวมตัวกันที่บนถนน ฉากเหตุการณ์แบบนี้หาชมได้ยากนัก ชาวบ้านหลายคนหยุดฝีเท้าชะเง้อคอมอง ไม่สนใจทหารองครักษ์ที่ค่อยไล่ต้อน
สิบปีกว่าปีมานี้ที่ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์ มีบุตรและธิดาอยู่มากมาย
รัชทายาทและเหยี่ยนอ๋องเป็นพี่น้องร่วมอุทร และทั้งคู่ยังเป็นบุตรของฮ่องเฮาองค์ก่อน ฐานะของพวกเขาก็สูงส่งยิ่งนัก
น่าเสียดายที่ฮ่องเฮาองค์ก่อนถูกนางสนมของตำหนักในวางแผนเล่นงาน ฮ่องเฮาทีพึ่งให้กำเนิดเหยี่ยนอ๋องไม่นานก็สิ้นใจไป
ฮ่องเต้ทรงรู้สึกผิดกับฮ่องเฮาองค์ก่อนอย่างมาก จึงได้ตามใจเหยี่ยนอ๋องเป็นพิเศษ
โชคดีที่เหยี่ยนอ๋องเองก็มีความสามารถไม่น้อย เขาฝึกฝนวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก นำทหารต่อสู้ในสนามรบ ชนะสงครามทุกครา ดูแลแผ่นดินแทนฮ่องเต้
นอกจากนี้ฮ่องเต้ยังประทานราชทินแก่เขาว่า "เหยี่ยน" ด้วยพระองค์เอง มีหมายว่าความเจริญรุ่งเรืองเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดียิ่งขึ้น
ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นน้องชายของรัชทายาท ในวันข้างหน้าจะต้องดำรงตำแหน่งชินอ๋อง หลังจากที่รัชทายาททรงขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะกลายเป็นมือขวาของฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างแน่นอน!
ตอนนี้เหยี่ยนอ๋องเป็นหนึ่งในองค์ชายทั้งหลาย ที่ได้กุมอำนาจทางทหาร เป็นท่านอ๋องที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฮ่องเต้อย่างมาก
ฉี๋อ๋องเป็นบุตรชายของหลานกุ้ยเฟย เป็นองค์ชายลำดับที่สอง ส่วนซู่อ๋องเป็นบุตรชายของหมิงกุ้ยเฟย เป็นองค์ชายในลำดับที่ห้า
องค์ชายแต่ละคนมีฐานะสูงศักดิ์อย่างมาก
เหยี่ยนอ๋องที่อารมณ์ไม่ดีค่อยดี เขาพยักหน้าอย่างมีมารยาทให้รัชทายาท "เสด็จพี่ใหญ่"
ฉี๋อ๋องและซู่อ๋องที่ถูกเพิกเฉยรู้สึกสับสนเล็กน้อย ผู้ใดกล้าหาเรื่องให้พี่น้องของเขาขุ่นเคืองใจกัน?
เหตุใดพวกเขาจึงถูกเมินได้เล่า?
รัชทายาทยิ้มอย่างจนใจ "เหตุใดสีจึงมีสีหน้าเช่นนี้ล่ะ? หรือว่าเจ้าทะเลาะกับรุ่ยรุ่ยอีกแล้วหรือ?"
“ใช่” สีหน้าของเหยี่ยนอ๋องย่ำแย่อย่างมาก
เจ้าเด็กนั่นชอบทำให้เขาหงุดหงิดใจ ซ้ำยังเสาะหา สตรีที่พึ่งรู้จักเพียงผิวเผินมาเป็นแม่ตัวเองอย่างตามอำเภอใจ หากเขาไม่ไปตามด้วยตัวเอง เกรงว่าบุตรชายของเขาคงจะหายตัวอย่างไร้ร่องรอยไปแล้วจริง ๆ!
“เจ้าอย่าใจร้อนนัก ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดเจ้าเป็นพ่อคนแล้ว ไฉนถึงทะเลาะกับบุตรชายตัวเองอยู่เสมอล่ะ?” รัชทายาทที่อยู่ในฐานะพี่ชายของเหยี่ยนอ๋องยจำต้องออกปากเตือนเขาสองสามคำ
เจ้าสองคนพ่อลูกมีปากเสียงกัน ทะเลาะกันประจำ อาละวาดจนเป็นเรื่องใหญ่โต
รุ่ยรุ่ยเจ้าเด็กคนนั้น ดูเหมือนเกิดมาเพื่อทวงหนี้เหยี่ยนอ๋องโดยเฉพาะ!
รัชทายาทถอนหายใจ "รุ่ยรุ่ยยังเด็กนัก ไม่มีแม่คอยดูแล เจ้าโอนอ่อนผ่อนตามให้เขาบ้าง ตอนเขาน้อยใจจะได้ไม่หนีออกจากบ้าน เพื่อไปหาแม่ของเขา "
หนานกงรุ่ยหยวนเม้มปากแน่น เขาคร้านจะอธิบายว่าเจ้าเด็กนั่นก่อเรื่องเกินขอบเขต ตอนนี้มาก้าวก่ายเรื่องหาภรรยาให้เขาเสียแล้ว?
อย่าแม้แต่จะคิด!
หากครั้งนี้จับตัวได้ เขาจะจับตัวมามัดแล้วแขวนไว้ ลงแส้ให้หนัก!
ฉี๋อ๋องที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแทรก "แค่หาตัวซือจื่อพบ ความบาดหมางของบิดาและบุตรก็จะหายไป รัชทายาท บนท้องถนนมีคนพลุกพล่าน ไม่หมาะที่จะพูดคุยกัน"
รัชทายาทพยักหน้าเอ่ยว่า "วันนี้เป็นฉลองวันเกิดอายุแปดสิบของท่านผู้เฒ่าโหว เสด็จพ่อมีรับสั่งแต่เนิ่น ๆ ให้พวกเราไปร่วมอวยพร น้องสามวันนี้เจ้าก็ไปด้วยกันสิ"
“หนิงหยวนโหว?” เหยี่ยนอ๋องรู้สึกชื่อนี้คุ้นหูนัก
พอนึกดี ๆ หญิงสาวนางนั้นที่ลักพาตัวบุตรชายเขาไป คือคนของจวนหนิงหยวนโหวไม่ใช่หรอกหรือ?
เสด็จพ่อมีรับสั่งให้รัชทายาทและองค์ชายทั้งหลาย ไปร่วมงานฉลองวันเกิดด้วยตัวเอง นี่ถือว่าเป็นการให้ เกียรติหนิงหยวนโหวอย่างมาก!
รัชทายาทเตือนด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนท่านผู้เฒ่าโหวยังเยาว์วัยสร้างผลงานทางทหารไม่น้อย ถือว่าเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง พอฮ่องเต้ทรงได้ยินว่าพักนี้โรคเก่าของเขากลับมากำเริบ ดังนั้นเสด็จพ่อจึงส่งตัวข้าและพวกเจ้าไปร่วมอวยพร "
ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อคิดว่าท่านผู้เฒ่าโหวผุ้นั้น จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน งานฉลองวันเกิดครั้งสุดท้าย จึงต้องจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ
เขาถือว่าเป็นแม่ทัพคนเก่าคนแก่ของราชสำนัก เสด็จพ่อปฏิบัติต่อเขาอย่างมีเมตตา กลัวผู้อื่นจะครหาว่าปฏิบัติต่อวีรบุรุษไม่ดี
เหยี่ยนอ๋องพยักหน้าเห็นด้วย "ข้ามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการที่จวนหนิงหยวนโหวอยู่พอดี"
“ในเมื่อจะไปร่วมอวยพร ของกำนัลตระเตรียมแล้วหรือยัง?” รัชทายาทถามโพล่งออกมา
เหยี่ยนอ๋องตอบแบบสีหน้าไร้อารมณ์ "ส่งคนไปหยิบของสักชิ้นที่จวนก็ได้แล้ว"
ขณะที่พูด เขาก็สั่งองครักษ์กลับไปยังจวนเพื่อนำของกำนัลมา
กว่าของกำนัลจะเดินทางมาถึงคงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ บนท้องถนนเนื่องแน่ไปด้วยผู้คน เส้นทางสัญจรติดขัดอย่างมาก องค์ชายทั้งหลายพากันไปหอสุราที่อยู่ไม่ไกลเพื่อพักผ่อน
เหยี่ยนอ๋องทรุดตัวนั่งอยู่ด้านข้าง สีหน้าเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง ประหนึ่งว่ามีคนติดค้างทองคำหลายหมื่นตำลึงกับเขาอย่างนั้น
รัชทายาทยิ้มอย่างจนใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ทรุดตัวลงนั่งอย่างเงียบเฉียบ
สักพักน้ำชากับอาหารว่างก็มาตั้งอยู่ด้านหน้า รัชทายาททรงจิบชา หันหน้าไปถามกับฉี๋อ๋องว่า "การเดินทางไปจวนหนิงหยวนโหวในวันนี้ นอกจากเรื่องฉลองวันเกิดแล้ว ฮ่องเต้ทรงคิดจะหาพระชายาให้เจ้าสักคนหนึ่ง"
ฉี๋อ๋องเป็นคนที่ที่ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ ฝักใฝ่ในเรื่องของสตรี ไม่แปลกใจที่ไม่อยากได้พระชายา?
เขาพูดด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ "เสด็จพี่ใหญ่เรื่องนี้ยังอะลุ้มอล่วยได้อยู่หรือไม่?"
"เจ้าเหตุใดถึงมีสีหน้าเช่นนี้? ข้าแม้จะแต่งงานเร็ว ตอนนี้แม้ยังไม่มีบุตรธิดา แต่ไม่ช้าหรือเร็วย่อมต้องมีอย่างแน่นอน รุ่ยหยวนแม้จะอ่อนกว่าเจ้าหลายปี แต่บุตรชายของเขาเจ็ดขวบแล้ว เสด็จพ่อกังวลเรื่องเจ้าเพียงผู้เดียว เหตุใดจึงยังไม่แต่งภรรยา เป็นเรื่องที่ทำให้ปวดหัวนัก"
ฉี๋อ๋อง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร
“เสด็จพ่อวัน ๆ ทรงจัดการเรื่องราชสำนักทั้งวัน เหตุใดจู่ ๆ ถึงกังวลเรื่องการแต่งงานล่ะ? ท่านทรงใช้ความคิดมาทั้งวัน ไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยบ้างหรือ?
รัชทายาทเป็นเพียงคนช่วยถ่ายทอดคำบอกกล่าว เขาไม่มีหน้าที่ตัดสินใจแทน
"เสด็จพี่ใหญ่ ข้าอยากใช้คำว่าครอบครัวกับสาวงามในใต้หล้านี้ หากมีพระชายามาคอยควบคุม มันจะมีประโยชน์อันใดอีก! อีกอย่างข้าอยากแต่งกับสาวงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า หญิงสาวธรรมดาจะเหมาะแก่ตำแหน่งพระชายาได้อย่างไรกัน?
รัชทายาทรู้ว่าเขาเป็นคนมักมากในกาม เพื่อสตรีเพียงคนเดียว เปลี่ยนนิสัยให้อยู่ในหลักในเกณฑ์คงทำได้ยาก แต่ทั้งสองไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมอุทร เขาคร้านที่จะลงแรงในเรื่องที่ไม่จำเป็น!
เขาพูกล่าวอย่างเรียบเฉย "งั้นก็หาสตรีสักคนดูแลจวน หาสตรีที่จะไม่กวดขันกับเจ้า"
“เสด็จพี่ใหญ่ ท่านกล่าวง่ายไป หญิงสาวที่มีความคิดอ่านตื้นเขินแล้วมีจิตใจดีจะไปหาได้จากที่ใดกันเล่า? ” ฉี๋อ๋องถอนหายใจ
รัชทายาทมองปราดเดียวก็รู้ว่าฉี๋อ๋องไม่ต้องการแต่งงาน
อย่างไรก็ตาม เขานำได้นำคำพูดของเสด็จพ่อมาถ่ายทอดให้อีกฝ่ายฟังแล้ว ไม่ว่าเขาจะฟังเข้าหูหรือไม่นั่นคือเรื่องของฉี๋อ๋องเองแล้ว
ฉี๋อ๋องชำเลืองมองเหยี่ยนอ๋องที่มุมห้อง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ ยามนี้คงเป็นน้องสามที่มีความสุขที่สุด เขายอมแต่งงานกับพระสนมอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็เหมือนกับว่าไม่ได้แต่งอยู่ดี? สตรีนางนั้นยังเต็มใจให้กำเนิดบุตรแก่เขาอีก แผนการที่เสด็จพ่อทรงคิดให้สืบทอดตระกูล เขาก็บรรลุหน้าที่จนเสร็จสิ้น”
“หากปล่อยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับข้า คงจะมีความสุขไม่น้อย ทำไมเรื่องดี ๆ เช่นนี้ถึงไม่เกิดกับข้าเล่า?”
ฉี๋อ๋องคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตารูปดอกท้อของเขาฉายประกายความขุ่นเคือง
รัชทายาทออกปากเตือน "ปากของเจ้า รังแต่จะสร้างปัญหา"
“อะไรนะ?” ฉี๋อ๋องยังไม่ทันได้ตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ใคร ๆ ต่างก็ทราบกันดีว่าพระชายาเหยี่ยนอ๋องในตอนนั้น ได้สร้างปมในใจที่แก้ไม่ออกไว้แก่หนานกงรุ่ยหยวน คนที่กล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น จะโชคร้ายอย่างแน่นอน
ถ้วยชาถูกเขวี้ยงเข้ามายังตรงหน้าของฉี๋อ๋อง โชคยังดีที่เขารู้ตัวเร็ว จึงหลบหลีกได้ทัน
จากนั้นเหยี่ยนอ๋องที่สีหน้าเยือกเย็นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เสด็จพี่รอง ข้าคิดว่าท่านมีเวลาว่างเกินไป อย่างงั้นเรามาฝึกฝนกันรอบ?"
